ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือ Preeclampsia นับเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สร้างความกังวลให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ สำหรับบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์อย่างรุนแรงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เนื่องจากในช่วงแรกๆ อาการของภาวะครรภ์เป็นพิษอาจไม่เด่นชัด หรือคล้ายกับอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ ทำให้หลายคนอาจ มองข้าม ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะครรภ์เป็นพิษตั้งแต่สาเหตุ อาการ ภาวะแทรกซ้อน การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงวิธีการป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองและทารกในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
- ครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
- ครรภ์เป็นพิษ สาเหตุเกิดจาก
- อาการของครรภ์เป็นพิษ
- ใครที่มีเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษ
- การวินิจฉัยครรภ์เป็นพิษ
- การรักษาครรภ์เป็นพิษ
- การป้องกันครรภ์เป็นพิษ
- ภาวะแทรกซ้อนของครรภ์เป็นพิษ
- สรุป
ครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
ภาวะครรภ์เป็นพิษเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างตั้งครรภ์ โดยมักเกิดขึ้นหลังจากอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ ลักษณะสำคัญของครรภ์เป็นพิษคือความดันโลหิตสูงและตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ ภาวะนี้เป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น ไต ตับ สมอง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ อีกทั้งครรภ์เป็นพิษสามารถเกิดขึ้นหลังคลอดได้เช่นกัน มักพบในระยะช่วงแรกคลอดไปจนถึงหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด

ครรภ์เป็นพิษ สาเหตุเกิดจาก
สาเหตุที่แน่ชัดของครรภ์เป็นพิษยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาของรกที่ผิดปกติทำให้เลือดไปเลี้ยงทารกในครรภ์ลดลง และส่งผลต่อระบบหลอดเลือดของมารดา รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ที่มีอาจมีความเกี่ยวข้อง เช่น ประวัติทางพันธุกรรม สุขภาพของมารดา ตั้งครรภ์แฝด ตั้งครรภ์เมื่ออายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 35 ปี และการตั้งครรภ์ครั้งแรก เป็นต้น
อาการของครรภ์เป็นพิษ
ภาวะครรภ์เป็นพิษในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการผิดปกติเด่นชัด โดยอาการสามารถแบ่งออกได้ตามระดับความรุนแรง ได้แก่
อาการเริ่มต้น
- ค่าความดันโลหิตมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทในการตรวจ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ บ่งบอกว่าไตทำงานผิดปกติ
อาการรุนแรง
- ความดันโลหิตสูงรุนแรง (มากกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอท)
- บวมบริเวณมือ ใบหน้า และเท้า เนื่องจากการสะสมของของเหลวในร่างกาย
- ปวดศีรษะรุนแรงและต่อเนื่อง
- หายใจถี่ หายใจไม่สะดวก
- ตามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว
- วิงเวียนศีรษะ และอาจหมดสติในบางกรณี
- ปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะผิดปกติ
- ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครง เป็นสัญญาณของการอักเสบหรือตับบวมน้ำ
ใครที่มีความเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษ
- เคยมีภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน
- ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
- โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส (Lupus) หรือโรคผิวหนังแข็ง Scleroderma
- ตั้งครรภ์แฝดหรือมากกว่า
- อายุมากกว่า 35 ปี
- น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนก่อนตั้งครรภ์
การวินิจฉัยครรภ์เป็นพิษ
- การซักประวัติ เริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกายทั่วไปและประเมินปัจจัยเสี่ยง ประวัติสุขภาพ อาการที่สงสัย รวมถึงประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อนๆ
- การตรวจร่างกาย ตรวจปอด ตรวจหัวใจ ตรวจช่องท้อง และวัดความดันโลหิต หากสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท จากการตรวจ 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง จะถือว่ามีความผิดปกติ หากความดันโลหิตที่สูงกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอท แสดงถึงภาวะครรภ์เป็นพิษที่รุนแรง
- ตรวจปัสสาวะ ตรวจโปรตีนในปัสสาวะแบบสุ่ม (Dipstick Test) และการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมงเพื่อตรวจหาโปรตีน
- ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะสำคัญและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าการทำงานของไต ทำงานของตับ ระดับเกล็ดเลือด และโปรตีนในเลือด
- การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อประเมินขนาดการเจริญเติบโตของทารก การไหลเวียนเลือดในรก และปริมาณน้ำคร่ำ

การรักษาครรภ์เป็นพิษ
การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษโดยทั่วไป
- การควบคุมความดันโลหิต ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
- การตรวจติดตามอาการ ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับ ไต และระดับเกล็ดเลือด เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลง
- อัลตราซาวด์เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารก ตรวจ Non-Stress Test (NST) เพื่อประเมินสุขภาพของทารก
การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรงมักต้องได้รับการดูแลในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะสำคัญอย่างสม่ำเสมอ
- การให้ยา อาจต้องได้รับยาเพื่อป้องกันการชัก ลดความดันโลหิต และรักษาอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
- การคลอดก่อนกำหนดเป็นวิธีการรักษาที่สำคัญที่สุดในกรณีที่ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแม่และลูก
ภาวะแทรกซ้อนของครรภ์เป็นพิษ
- ภาวะชัก (Eclampsia) เกิดอาการชักและหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสัญญาณของการทำงานของสมองที่ผิดปกติ
- ภาวะ HELLP syndrome เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษ ประกอบไปด้วย อาการเลือดจาง (Hemolysis) เอนไซม์ตับสูง (Elevated Liver Enzymes) และเกล็ดเลือดต่ำ (Low Platelets) ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตกเลือดและการทำงานของอวัยวะล้มเหลว
- ภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ช้ากว่าปกติ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงรกไม่เพียงพอ
- การเสียชีวิตของทารกในครรภ์ ทารกอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ และอาจเสียชีวิตได้
- การคลอดก่อนกำหนด อาจจำเป็นต้องทำการคลอดก่อนกำหนดเพื่อรักษาชีวิตของคุณแม่และลูกน้อย
การป้องกันครรภ์เป็นพิษ
การดูแลสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- รักษาโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หยุดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์
- การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ และติดตามค่าด้วยตนเองที่บ้าน หากมีปัจจัยเสี่ยง
- ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจหาโปรตีน
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด และอาหารที่มีไขมันสูง
- ควรออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน เดินเร็ว หรือว่ายน้ำ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัวรุนแรง ตาพร่ามัว บวม หรือปวดท้อง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- หากเคยมีประวัติภาวะครรภ์เป็นพิษในครรภ์ก่อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแผนการดูแลที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป
สรุป
ครรภ์เป็นพิษเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะนี้เป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ แม้ว่าจะยังไม่มีวิธีป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้อย่างสมบูรณ์ แต่การดูแลสุขภาพที่ดีก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์ พบแพทย์ตามนัด การเฝ้าระวังและการรักษาอย่างเหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มความปลอดภัยทั้งต่อแม่และทารกในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ